Nudie Jeans เป็นแบรนด์จากสวีเดนก่อตั้งโดย โดย Maria Erixson ซึ่งเคยทำงานกับบริษัท Lee ทางฝั่งยุโรปมาก่อน Nudie เองก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี 2001 ซึ่งใช้เวลาประมาณ3-4ปี ในการก้าวมาเป็นแบรนด์แถวหน้าอันเป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่นทั้งหลาย Nudie นั้นโดดเด่นในเรื่องยีนส์ผ้าดิบโดยไม่ทำการซัก(ควรจ ะใช้เวลา6เดือนขึ้นไป) เพื่อที่ยีนส์นั้นจะใด้เกิดริ้วรอยการเฟดของผู้ใส่จากการใช้ชีวิตประจำวัน ตามคอนเซปต์ของแบรนด์ คือยีนส์เปรียบเสมือนผิวหนังชั้นที่สองของมนุษย์เรา สี Indigo(น้ำเงินคราม) ถือเป็นสีที่มีชีวิต สามารถเฟดได้ และแสดงออกถึงบุคลิกตัวตนของผู้สวมใส่ยีนส์ ซึ่งผู้ที่เคยสวมใส่Nudieคงจะทราบกันดีว่า ด้านในของกระเป๋ากางเกงนั้น มีข้อความซึ่งบ่งบอกถึงแนวคิดเหล่านี้อยู่
ปัจจุบันผ้าที่ทางแบรนด์Nudieนำมาใช้ทำยีนส์นั้น ผลิตมาจากฝ้ายออร์แกนิก 100% ทั้งหมด ทุกกระบวนการในการผลิตยีนส์Organicนี้ล้วนทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ฝ้าย ที่ใช้ นำมาจากไร่ฝ้ายออร์แกนิก รวมถึงการปั่นฝ้าย การย้อมสี ต้องทำตามขั้นตอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นั่นรวมถึงการใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน ส่วนการฟอกยีนส์ก็จะเป็นการฟอกโดยใช้วิธีธรรมชาติเช่นกัน ไม่มีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ทำเพื่อโลกอย่างแท้จริง วนใหญ่กางเกงของNudie นั้นผ้าจะไม่หนามาก (ประมาณ 11-13 oz. เป็นส่วนใหญ่) ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผ้ายืดหรือไม่ยืด ก็ควรลดไซส์ไปราวๆ 2-3 ไซส์ครับ
1. ครอบครองยีนส์ในปริมาณที่เหมาะสม
เวลาต้องการเฟดยีนส์สักตัวหนึ่ง ต้องใช้เวลาในการใส่ให้เยอะเข้าไว้ เรียกได้ว่าเป็นการสะสมชั่วโมงบินในการใส่ยีนส์ ยิ่งใส่บ่อยมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมทำให้ยีนส์เฟดเร็วขึ้นเท่านั้น ดังนั้นปริมาณกางเกงยีนส์ผ้าดิบที่มีในครอบครอง ไม่ควรจะมีเยอะหลายตัว เพราะจะทำให้เราลังเลใส่สลับไปมา เลยทำให้เฟดข้ากันไปใหญ่ ปริมาณที่ DU แนะนำคือ มีแค่ 1 ตัวก็พอครับ
2. แช่ยีนส์ครั้งแรกก่อนใส่ (unsanforized)
เมื่อได้ยีนส์มาแล้ว ควรทำมาแช่น้ำก่อนใส่ครั้งแรก เนื่องจากยีนส์ดิบส่วนใหญ่ ผ้ามักจะหด ซึ่งจะหดมากหดน้อย ขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าซึ่งสามารถสอบถามระยะการหดกับผู้ขายครับ ที่ต้องแช่น้ำให้หดก่อนใส่ เพราะหากเราใส่จนเฟดแล้ว แต่ไม่เคยแช่น้ำมาก่อน พอเอามาแช่น้ำแล้ว กางเกงยีนส์จะหด ทำให้รอยเฟดเลื่อนไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่
3. ใส่ให้นานที่สุดก่อนซักครั้งแรก
มีหลายแหล่งข้อมูลแนะนำว่าก่อนซักครั้งแรก ควรใส่อย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง DU ได้ลองทำดูแล้ว บางครั้งก็ทนเหม็นไม่ไหว ซักไปก่อนตอน 4 เดือน ก็ยังสามารถใส่ต่อได้อีกหลายเดือนแล้วค่อยซักอีกครั้ง ดังนั้นคำแนะนำจากเราคือ อดทนใส่ให้นานที่สุด จนกว่าเราจะทนเหม็นไม่ไหวครับ
4. ซักด้วยผงซักฟอก
อย่าไปกลัวครับ หากเราต้องการให้เฟด ให้ใส่ยีนส์ในนานตามคำแนะนำข้อ 3 แล้วจับยีนส์โยนลงเครื่องซักผ้าได้เลย ใส่ผงซักฟอกตามลงไป ปิดฝาโครม ซักเลยครับ คำแนะนำคือให้ซักด้วยเครื่อง แต่ไม่ต้องปั่นแห้งด้วยเครื่องนะครับ พอซักจนพอใจเราแล้ว ก็เอามาล้างน้ำแล้วก็นำไปตากแบบแขวนไว้ ให้แห้งโดยธรรมชาติ ถามว่าตากแดดได้ไหม ให้ตากไปเลยครับ หอมแดดดีครับ ยีนส์มันทนมาก เวลาใส่หรือซักไม่ต้องทะนุถนอมมากหรอกครับ
5. ประกาศกับคนใกล้ตัวไว้ว่าห้ามใครมาซักยีนส์ของเรา
บางคนเจอแม่ เจอภรรยาที่บ้าน ทนกลิ่นไม่ไหว แอบเอาไปซัก ดังนั้นป้องกันไว้ก่อนโดยการประกาศไว้เลยว่า ห้ามใครในบ้านซักยีนส์ตัวนี้ ยกเว้นตัวเราเอง
6. ใส่ทำทุกกิจกรรมเท่าที่ทำได้
บางคนใส่ยีนส์ล้างรถ ล้างสระว่ายน้ำ แบกปูน ฯลฯ ใส่ไปเลยครับ ยิ่งกิจกรรมหนักมากเท่าไหร่ยิ่งเฟดเร็วครับ แต่หากใส่ทำงานใน office ย่อมเฟดช้าเป็นธรรมดา ยีนส์ตัวในรูปด้านบนนั้นเป็นยีนส์ที่เราใส่ตั้งแต่ยังเป็นยีนส์ดิบ ผ่านมา 2 ปี (แต่ อายุใส่จริงน่าจะประมาณ 1.5 ปีครับ) ก็ได้ประมาณนี้ครับ ซักไปประมาณ 3-4 ครั้ง
VIDEO
VIDEO
ท้าวความไปในปี1855 เมื่อสมัยที่ Peter Weinbrenner ยังเป็นผู้อพยพชาวเยอรมันได้เริ่มกิจการซ่อมรองเท้าและเปิดร้านเล็กๆในเมืองMilwaukee, รัฐWisconsin ลูกชายของเขา Albert Weinbrenner ได้เจริญรอยตามผู้เป็นพ่อ โดยฝึกงานซ่อมรองเท้าอยู่ในร้าน จนเมื่อมีอายุ 27ปี จึงได้ริเริ่มธุรกิจกับเพื่อนคือJoseph Pfeifer ทำร้านซ่อมและขายรองเท้า ในชื่อว่า “Weinbrenner and Pfeifer.” ซึ่งโดดเด่นในด้านรองเท้าบูท (Work Boots) เป็นพิเศษ หลังจากนั้น8ปีในธุรกิจการซ่อมแซมและขายรองเท้า เขาตัดสินใจซื้อหุ้นจากเพื่อน และได้ซื้อกิจการของรองเท้าแบรนด์ Knoll แล้วเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Albert H. Weinbrenner Companyต่อมาในปี 1905 ได้มีการกระจายรองเท้าของ Weinbrenner ให้กับแรงงานทั่วอเมริกา อัตราการผลิตจึงเพิ่มขึ้นตามมาเป็น 2,500 คู่ต่อวัน ทำให้เขาต้องย้ายไปโรงงานผลิตที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (ซึ่งในปีนั้นเองรองเท้าRedWingก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในเมืองMinnesota) ซึ่งในปี 1918 Weinbrenner ได้ออกรองเท้าแบรนด์Thorogoodมา และได้รับความนิยมกันในวงกว้าง จวบจนปัจจุบันก็ผ่านมาร่วม 120 ปีแล้ว ที่Weinbrennerได้ผลิตรองเท้าให้กับชาวอเมริกัน ถึงแม้เขาจะเสียชีวิตไปเมื่อปี1949 (ตอนอายุ 84 ปี) แต่รองเท้าที่ผลิตตามออกมาในรุ่นหลังๆก็ยังไม่หยุดพัฒนาคุณภาพ จนกลายเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรองเท้าที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา รับประกันคุณภาพ “Made In USA” (ซึ่งยังคงรักษาสิ่งนี้ไว้ต่อไป) และมีรองเท้าให้เลือกมากกว่า125รุ่น
ซึ่งทรงที่นิยมกันในประเทศไทยนั้นก็คือ
- Roofer มีการผลิตขึ้นครั้งแรกในปี1950 ซึ่งนำเสนอรองเท้าในรูปแบบการร้อยเชือกตั้งแต่ข้อเท้าไปจนถึงปลายเท้า (lace-to-toe) นับเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาด และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจวบจนถึงปัจจุบันครับ
ROOFER BLACK
คลิกดูได้ครับ !!
- American Heritage Moc Toe และ Plain Toe ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี1964 พัฒนามาจากรองเท้าเดินป่า ซึ่งทรงนี้ได้กลายมาเป็นรองเท้าอย่างเป็นทางการของเหล่าลูกเสือในสหรัฐอเมริกา และมีการพัฒนาของตัวหนังที่ใช้จนมาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน รองเท้ารุ่นนี้นับเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดและยังใช้รูปแบบเดิมตั้งแต่ปี1964 เป็นต้นมาครับ
แบบอื่นๆของThorogood
คลิกดูได้ครับ !!
VIDEO
ขอขอบคุณ